ข่าวสาร ความรู้/การเลี้ยงสุกร >> แนวทางการเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาในเล้าคลอด 22 ก.ค. 2563 15:15:52 |
แนวทางการเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาในเล้าคลอดแนวทางการเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาในเล้าคลอด ระหว่างที่เดินตรวจเล้าคลอดของฟาร์มแห่งหนึ่ง ผมได้ลองตั้งคำถามถามน้องหัวหน้ายูนิตที่เดินตามมาพร้อมกันว่า “คุณคิดว่างานบนเล้าคลอดนี่ อะไรสำคัญที่สุด” เธอใช้เวลาสักครู่แล้วตอบมาว่า “ บอกไม่ถูก เพราะคิดว่างานทุกอย่างบนเล้าคลอดสำคัญไปหมดทุกอย่าง” ผมฟังคำตอบแล้วรู้สึกเห็นด้วย แต่ไม่ทั้งหมด พร้อมกับลองเปลี่ยนคำถามถามใหม่ว่า “แล้วการจัดการส่วนใดที่เราทำได้ไม่ดีพอ แล้วกระทบกับผลผลิตของเล้าคลอดมากที่สุด” เธอส่ายหัวแล้วตอบว่า “ไม่ทราบค่ะ” จากนั้นจึงถามผมกลับมาว่าคำตอบคืออะไร?คำตอบของผม คือ “การจัดการที่ป้องกันการเกิดเต้านมอักเสบ” และ “การจัดการเพื่อเพิ่มการกินได้หลังคลอด”เป็นสิ่งสำคัญที่สุดมีผลกระทบต่อผลผลิตที่เกิดจากเล้าคลอด(ลูกหย่านมและแม่หย่านม)มากที่สุด รูปที่ 1 แม่สุกรเป็นแผลที่หัวไหล่ เกิดจากการเสียน้ำหนักตัวเนื่องจากการกินได้หลังคลอดต่ำ รูปที่ 2 แม่สุกรมีปัญหาเต้านมแห้งหลังคลอด ส่งผลให้ลูกสุกรอ่อนแอ แม่ที่เต้านมอักเสบและนมแห้งหลังคลอดจะมีปัญหาเรื่องการสร้างน้ำนม ถึงแม้การกินได้หลังคลอดจะสูงกว่า 6 ก.ก./วันก็ตาม และในขณะเดียวกันถ้าแม่หลังคลอดมีเต้านมที่สมบูรณ์ไม่พบปัญหาเต้านมอักเสบ แต่หากการกินได้หลังคลอดต่ำก็ไม่สามารถสร้างน้ำนมได้อย่างเต็มที่เช่นกัน เมื่อเราทราบว่าอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญแล้ว ลองมาลงลึกกับสิ่งเหล่านี้สักหน่อยก็แล้วกันนะครับ โดยในฉบับนี้จะขอกล่าวถึงแนวทางการป้องกันการเกิดเต้านมอักเสบเกิดก่อนการเพิ่มการกินได้หลังก่อนนะครับ เต้านมอักเสบหลังคลอด !!! เต้านมอักเสบ คืออะไร
รูปที่ 3 แม่สุกรมีปัญหามดลูกอักเสบ และมีหนองไหลออกมาจากช่องคลอด รูปที่ 4 แม่สุกรมีปัญหาการสร้างน้ำนม จะมีขนาดของเต้านมและราวนมเล็กกว่าที่ควร รวมกัน 3 คำแล้วแปลออกมาได้ว่า ภาวะเต้านมอักเสบและมดลูกอักเสบและไม่มีน้ำนม ซึ่งกลไกก็คือ เมื่อแม่สุกรได้รับเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย สารพิษที่เชื้อแบคทีเรียสร้างขึ้นมาจะมีผลไปยับยั้งฮอร์โมน 2 ชนิดที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ควบคุมการสร้างและหลั่งน้ำนม คือ โปรแลคตินและอ็อกซี่โตซิน เมื่อฮอร์โมน 2 ชนิดนี้ถูกยับยั้ง กระบวนการสร้างน้ำนมจึงไม่เกิดขึ้น นั่นคือ เมื่อแม่สุกรเป็นเต้านมอักเสบหรือมดลูกอักเสบ หรือเป็นทั้ง 2 อย่าง จะมีปัญหาการสร้างน้ำนมได้น้อยตามมา ปัญหาเอ็ม เอ็ม เอ จัดเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากกับฟาร์มสุกรในประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน ตั้งแต่เดือน มีนาคม – พฤษภาคม ซึ่งจัดเป็นช่วงที่ฟาร์มเกิดปัญหาเอ็ม เอ็ม เอ มากที่สุด
ปัญหาเอ็ม เอ็ม เอ ช่วงก่อนคลอดจะยังไม่ก่อปัญหารุนแรงแก่แม่สุกร หากแต่เรามองข้าม ไม่รีบทำการรักษา เมื่อคลอดเสร็จก็จะพบว่าแม่สุกรตัวดังกล่าวจะป่วยไม่กินอาหาร หรือบางตัวจะพบปัญหาตั้งแต่ตอนคลอดแล้ว คือ มีปัญหาคลอดนานเนื่องจากไม่มีแรงเบ่ง ซึ่งจะก่อปัญหาตายคลอดตามมาอีกด้วย การรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย จะบอกว่าอยู่ดีดี แม่สุกรก็มีปัญหา เอ็ม เอ็ม เอ เลยก็คงไม่ได้ แม่ที่มีปัญหา เอ็ม เอ็ม เอ นั้นก็เนื่องมาจากการที่แม่สุกรมีการรับเชื้อแบคทีเรียที่ก่อปัญหาเข้าสู่ร่างกาย โดยเป็นได้ทั้งแบคทีเรียแกรมบวก และ แบคทีเรียแกรมลบ วิธีที่แบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายแม่สุกรมี 2 วิธี คือ 1.จากแบคทีเรียภายนอกร่างกาย หรือ จากสิ่งแวดล้อม โดยสามารถเข้าสู่ร่างกายโดย a. ทางรูหัวนม b. ทางช่องคลอด เช่น จากการล้วงคลอด 2.จากแบคทีเรียอยู่ที่อาศัยอยู่ในส่วนต่างๆ ของร่างกาย มีการรุกลามเข้าสู่ระบบสืบพันธุ์ โดยมีสาเหตุโน้มนำจากภาวะเครียด หรือจากการจัดการที่บกพร่อง เช่น ภาวะท้องผูก หรือ การได้รับอาหารที่มีโปรตีนสูง ผลกระทบจากปัญหาเต้านมอักเสบ ฟาร์มที่มีปัญหาแม่หลังคลอดเต้านมอักเสบเป็นจำนวนมาก มักพบปัญหาเหล่านี้ตามมา พบว่าปัญหาเหล่านี้ไม่ได้จบแค่เพียงตอนหย่านมเท่านั้น หากยังพบว่าลูกสุกรที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันร่างกายที่ต่ำจากการได้รับนมน้ำเหลืองไม่เพียงพอเมื่อแรกคลอด มักจะเป็นกลุ่มเดียวกับสุกรที่ก่อปัญหาชักในเล้าอนุบาลด้วย!!! การรักษา การรักษาสุกรที่ป่วยเป็น เอ็ม เอ็ม เอ มีหลักอยู่ว่า “ แม่สุกรมีปัญหาอะไร ก็แก้ไขปัญหานั้นให้กลับมาเป็นปกติตามเดิม” นั่นก็คือ “ รักษาตามอาการ ” นั่นเอง ได้แก่ 1. มีไข้ รักษาโดย ให้ยาลดไข้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การเลือกใช้ยาปฏิชีวนะในการป้องกันและรักษา เอ็ม เอ็ม เอ ที่เหมาะสมตรงกับเชื้อที่ก่อปัญหาในฟาร์ม เราสามารถดูได้จากผลตอบสนองต่อการรักษาของยาที่เราใช้อยู่ กล่าวคือ เมื่อใช้ยาชนิดนั้นๆไปแล้วควรเห็นการตอบสนองที่ดีขึ้นจากแม่พันธุ์ที่ได้รับยา เช่น จากที่มีปัญหาไม่กินอาหารก็กลับมากินอาหารได้ หรือ ดูจากการที่แม่สุกรมีอุณภูมิร่างกายลดลงหลังจากได้รับยา(อุณหภูมิร่างกายควรลดต่ำลงกว่า 40 องศาเซลเซียส) การป้องกัน อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าเต้านมที่อักเสบ เมื่อหายอักเสบเต้านมมักจะแห้ง ประสิทธิภาพการสร้างน้ำนมลดลงจากปกติ ดังนั้นการรักษาจึงเป็นเพียงวิธีที่ทำให้ความรุนแรงของปัญหาลดลงเท่านั้นเอง ทางที่ดีเราควรเน้นที่การป้องกันดีกว่า เพื่อที่จะทำให้ปัญหาเกิดน้อยที่สุด วิธีป้องกันก็ไม่มีอะไรยากเย็น แค่เราทราบว่าสาเหตุของการติดเชื้อเข้าสู่ร่างกาย มี 2 ทาง คือ จากการติดเชื้อจากสิ่งแวดล้อมและภาวะกดภูมิคุ้มกันจากความเครียด เราก็ไปเน้นการจัดการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ตามมาซึ่งได้แก่ รูปที่ 7 แม่สุกรที่เต้านมปกติ ที่ค่อนข้างสมบูรณ์ มีราวนมขนาดใหญ่ เต้าแต่ละคู่แบ่งกันชัดเจน รูปที่ 8 ปัญหาแม่ท้องผูกช่วงรอคลอด สาเหตุโน้มนำที่ทำให้เกิดปัญหา เอ็ม เอ็ม เอ 1. อาหาร
2. การจัดการที่ทำให้แม่รอคลอดเครียด
3. การจัดการเรื่องความสะอาด
4. มีโปรแกรมการใช้ยาเพื่อป้องกันโรคต่างๆเหล่านี้ในฟาร์ม
5. ตัวช่วยอื่นๆ ได้แก่
สรุป ปัญหา เอ็ม เอ็ม เอ เป็นปัญหาที่สำคัญที่มีผลต่อการผลิตลูกสุกรบนเล้าคลอด และมีผลต่อเนื่องไปถึงปัญหาสุขภาพสุกรช่วงอนุบาลอีกด้วย การป้องกันที่ดีที่สุดคือ การเอาใจใส่ต่อการจัดการในส่วนของแม่รอคลอดไม่ให้กระทบความเครียด รวมถึงการรักษาความสะอาดซองคลอดและบริเวณบั้นท้ายแม่สุกรไม่ให้สกปรกซึ่งเป็นที่สะสมของเชื้อโรคน่าจะเป็นการป้องกันปัญหาได้อย่างดี ปัญหาเต้านมอักเสบไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นช่วงหลังคลอดเท่านั้น ช่วงก่อนคลอดก็สามารถพบปัญหานี้ได้ เพียงแต่ผู้ดูแลฟาร์มมักขาดความเอาใจใส่ที่จะตรวจสุขภาพแม่สุกรในช่วงรอคลอดเท่าที่ควร การเดินตรวจสุขภาพแม่รอคลอดดูสังเกตุดูปัญหาท้องผูก , แม่หอบเป็นไข้ไม่กินอาหาร , ดูความสะอาดส่วนท้ายของร่างกายและดูปัญหาเต้านมอักเสบ)จึงเป็นงานหนึ่งที่หัวหน้ายูนิตควรจะต้องทำ เพราะถ้าพบปัญหาเร็วและปัญหายังไม่รุนแรงการแก้ไขย่อมจะได้ผลดีที่สุด
Source: http://www.better-pharma.com |